“ซีอีโอ”อุตสาหกรรมยานยนต์รับบทหนัก!!
จากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกกำลังเข้าสู่ช่วงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างขนานใหญ่
ซึ่งมีเรื่องของการเชื่อมต่อ (connectivity) และระบบดิจิทัล
(digitization) เป็นเทรนด์อันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์
จากผลสำรวจ “20th KPMG Global Automotive Executive
Survey (GAES)” ผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
โดยผู้เล่นแต่ละรายจำเป็นต้องสร้างจุดแข็ง
สร้างความรู้ความเชี่ยวชาญที่แตกต่างไปจากเดิม
อย่างไรก็ตามผู้บริหารส่วนใหญ่ยังไม่มีความกังวลมากนักถึงผลกระทบต่อกำไรที่จะลดลง
ทั้งนี้ เคพีเอ็มจีได้เตือนผู้รับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ (original
equipment manufacturers – OEMs) ว่าหากผู้รับจ้างผลิตยังไม่ได้วางแผนรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต
จะส่งผลต่อกำไรที่ลดลงอันเนื่องมาจากปัจจัยแวดล้อมทางการตลาดที่มีมากขึ้น
และความต้องการของตลาดที่หดตัวลง
ผลสำรวจอื่นๆ ของ KPMG
GAES ประจำปี ซึ่งมาจากการสำรวจผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์
และเทคโนโลยีเกือบ 1,000 ราย และผู้บริโภคประมาณ 2,000 รายทั่วโลก พบว่า
-มีความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะถูกขับเคลื่อนโดยนโยบาย
กฎข้อบังคับ
-แต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะพัฒนาระบบส่งกำลังยานยนต์
(powertrain) ที่ตรงกับวัตถุดิบ (raw material) ที่ประเทศนั้นมี เช่น สหรัฐอเมริกาจะมุ่งพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายใน (internal
combustion engines – ICEs) และยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (fuel
cell electric vehicles – FCEVs) ในขณะที่ประเทศจีนจะเน้นระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
(e-mobility)
-ตลาดค้าปลีกอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
โดย 30%-50% ของร้านค้าปลีกจะหายไป หรือถูกเปลี่ยนสภาพไปภายในปี พ.ศ. 2568
-จะไม่มีผู้เล่นรายไหนที่สามารถคุมห่วงโซ่แห่งคุณค่าได้ทั้งหมด
แต่ละองค์กรจะมีความร่วมมือกันมากขึ้นในอนาคต
-ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าจะซื้อรถยนต์ไฮบริดเป็นคันต่อไป
-ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่
(battery electric vehicles – BEVs) กลับมาครองเทรนด์การผลิตอันดับ
1 ของปีชนะยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell electric vehicles :
FCEVs)
-โตโยต้าได้รับเลือกจากผู้บริหารให้เป็นแบรนด์ที่เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตได้ดีที่สุด
ตามมาด้วย BMW และ Tesla
คุณดีเตอร์
เบคเกอร์ ประธานฝ่ายยานยนต์ของเคพีเอ็มจี กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องตระหนักว่าความไม่ปกติคือความปกติในยุคของการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่มีคำตอบหนึ่งเดียวที่จะสามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกได้หมด
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ต่างมีการจัดการที่แยกจากกันเป็นส่วนๆ
แม้ว่าจะมีความเชื่อมโยงกันบ้าง องค์กรเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ควบรวม
หรือเปลี่ยนสภาพเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเข้าสู่การปฏิวัติทางเทคโนโลยี ซึ่งเคพีเอ็มจีเห็นถึงความไม่แน่นอนที่ค่อนข้างมากสำหรับธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ (OEMs)
ส่วนใหญ่ที่ได้รับการสำรวจเชื่อว่าพวกเขาสามารถปรับใช้แพล็ตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อให้บริการแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ แต่เราเห็นต่าง
เราเชื่อว่าผู้เล่นดั้งเดิมที่ลงทุนในสินทรัพย์/อุปกรณ์ทั้งหมดด้วยตัวเอง
จะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในการครองตลาด
และการแข่งขันกับองค์กรเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวขับเคลื่อนการแข่งขันในตลาดยานยนต์”
ผู้ออกกฎหมายเป็นผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
ผู้บริหารมากกว่า 3
ใน 4 (77%)
เชื่อมั่นว่าผู้ออกกฎหมายเป็นตัวขับเคลื่อนเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์
ด้วยการออกนโยบายและกฎข้อบังคับ
ซึ่งเข้ามาแทนที่บทบาทของ OEMs ซึ่งเป็นมากว่าหลายทศวรรษ
คุณเบคเกอร์ กล่าวว่า “จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่านโยบายของอุตสาหกรรมยานยนต์ในทวีปเอเชียและในประเทศสหรัฐอเมริกามีความก้าวหน้ากว่าทวีปยุโรป
ซึ่งเห็นได้จาก 83% ของผู้บริหารจากประเทศจีน และ 81%
ของผู้บริหารจากสหรัฐอเมริกาเชื่อว่าประเทศของพวกเขามีนโยบายทางยานยนต์ที่ชัดเจน
ในขณะที่มีซีอีโอจากยุโรปตะวันตกเพียงครึ่งเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น”
ไม่มีระบบขับเคลื่อนระบบเดียวที่ครองตลาด
ผู้บริหารทั่วโลกเชื่อว่าภายในปี
พ.ศ. 2583 ระบบขับเคลื่อนแต่ละระบบจะมีส่วนแบ่งตลาดที่ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเป็น
BEVs 30%, ระบบไฮบริด 25%,
FCEVs 23% และ ICEs 23% โดยมี BEVs เป็นผู้นำตลาด ในส่วนของผู้บริโภคนั้นไม่ต้องการเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนทางเลือกแบบเต็มรูปแบบ
ระบบไฮบริดจะเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งของผู้บริโภคสำหรับรถยนต์คันต่อไป
โดยมี ICEs เป็นตัวเลือกที่ตามมา
คุณธิดารัตน์
ฉิมหลวง ประธานฝ่ายดูแลลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เคพีเอ็มจี
ประเทศไทย กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของโลก
แต่ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับคู่แข่งในภูมิภาคที่ต่างกำลังมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของตนเอง ประกอบกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา
และประเทศจีน ดังนั้นผู้ผลิตยานยนต์
และชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยจึงต้องหาวิธีเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับตนเอง
ยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electric Vehicles – EVs) สามารถช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้ เนื่องจากความต้องการ EVs ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้ EVs และนโยบายทางภาษีที่ส่งเสริมการผลิต
EVs ในประเทศไทยต่างเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในการเพิ่มความหลากหลายในการผลิต
สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสูงสุด”
ระบบขนส่งผู้โดยสาร
และสินค้าจะรวมเข้าด้วยกัน
ความคาดหวังที่จะมีระบบนิเวศของการคนส่งผู้โดยสาร
และสินค้ารวมกันนั้นกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหาร 60%
เห็นด้วยว่าในอนาคตจะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้า
คุณเบคเกอร์ กล่าวว่า “สิ่งที่ชัดเจนคือ
จะไม่มีผู้เล่นรายใดที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเองอย่างเดียว ผู้บริหาร
83% มีความเห็นว่าระบบนิเวศที่ควบรวมการขนส่งผู้โดยสาร
และการขนส่งสินค้าเข้าด้วยกัน หรือที่เรียกว่า mobi-listics จะทำให้แต่ละองค์กรต้องทบทวนโมเดลธุรกิจของตน
และเห็นถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการขนส่ง
ซึ่งองค์กรที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และการขนส่งสินค้า
มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ครอบครองแพล็ตฟอร์ม”
ไม่มีความคิดเห็น