จำนวนผู้เข้าชม : 249

เอสซีจี ขยายผลความร่วมมือเพื่อความยั่งยืนในอาเซียน จัด ESG Symposium 2023 ที่ประเทศอินโดนีเซีย

เอสซีจี กลุ่มบริษัทชั้นนำในอาเซียน จัดงาน “ESG Symposium 2023” ที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก เป็นการต่อยอดความร่วมมือด้านความยั่งยืนสู่ภูมิภาค จากเวที ESG Symposium ในประเทศไทย โดยงาน ESG Symposium 2023 Indonesia จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ความร่วมมือเพื่ออินโดนีเซียที่ยั่งยืน” (Collaboration for Sustainable Indonesia) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เร่งการบรรลุเป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ลดความเหลื่อมล้ำ ตามกลยุทธ์ ESG 4 Plus พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 ตามเป้าหมาย Nationally Determined Contributions (NDC) ของอินโดนีเซีย โดยงานนี้ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และคนรุ่นใหม่ กว่า 500 คน รวมพลังนำอินโดนีเซียสู่ความยั่งยืน ผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ นโยบาย และนวัตกรรมเทคโนโลยี อาทิ โครงการด้านพลังงานสะอาด เชื้อเพลิงทดแทนจากขยะมูลฝอย โซลูชันพลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ นวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสีย และแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับจัดการป่าไม้และวัดปริมาณคาร์บอนเครดิต เป็นต้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบกับความเสี่ยงจากวิกฤตโลกหลายอย่าง เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันอินโดนีเซียกำลังเผชิญปัญหาระดับชาติ อาทิ มลพิษทางอากาศ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การจัดการขยะ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนจึงเป็นภารกิจที่จำเป็นต้องทำ ไม่ใช่ทางเลือก อินโดนีเซียมีเป้าหมาย NDC การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2060 องค์กรธุรกิจจึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว”

นางวีวี ยูลาสวาตี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติ อินโดนีเซีย กล่าวว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนในธุรกิจเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว เช่น กระทรวงวางแผนการพัฒนาแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ ESG จะพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ในการช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มคุณค่าให้ธุรกิจ”
นางลักษมี เทวันติ อธิบดีฝ่ายควบคุมการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ อินโดนีเซีย กล่าวถึง 3 ความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลภาวะ โดยกลยุทธ์ ESG เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนและสมดุลยิ่งขึ้น “การร่วมมือกันคือกุญแจสำคัญที่จะเอาชนะความท้าทายดังกล่าว โดยรัฐบาลอินโดนีเซียมุ่งมั่นร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมพัฒนาวิธีที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจี ย้ำว่า การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเอสซีจี พร้อมร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ สนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย NDC ของประเทศอินโดนีเซีย เช่น ร่วมกับอำเภอซูกาบูมี จังหวัดชวาตะวันตก พันธมิตรทางธุรกิจ และชุมชน จัดตั้งโรงผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse-Derived Fuel) แห่งแรกในซูกาบูมี เพื่อแก้ปัญหาขยะให้เป็นพลังงานทางเลือก ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และร่วมมือกับจังหวัดชวาตะวันตกและชุมชน แก้ปัญหาน้ำเสียและส่งเสริมสุขอนามัย ในโครงการ Reinvented Toilet หรือห้องน้ำพร้อมระบบบำบัดของเสียที่สามารถฆ่าเชื้อโรคแบบครบวงจร ตลอดจนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและความเป็นอยู่ โดยมอบทุนการศึกษา SCG Sharing the Dream ให้แก่เยาวชนต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 กว่า 4,000 ทุน เพื่อให้มีศักยภาพพร้อมพัฒนาประเทศต่อไป รวมทั้งพัฒนาอาชีพชุมชน 70 แห่งในซูกาบูมี ให้มีรายได้ยั่งยืน
“เราคนเดียวไม่อาจสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้ ต้องอาศัยความร่วมมือและการทำงานจากหลากหลายมุมมองและความเชี่ยวชาญ ผมขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เพื่อสร้างอินโดนีเซียให้เป็นสังคมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไป” นายธรรมศักดิ์กล่าว

แชร์