เฟดเอ็กซ์เผย 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับผู้ประกอบการ (SME) เพื่อต่อยอดและสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2567

บทความโดย นางสาว คาวอล พรีท ประธานบริษัทเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา

โลกยุคปัจจุบันเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนหลายคนอาจตามไม่ทัน ซึ่งล่าสุดการเปิดตัวเทคโนโลยี AI และ GenAI เข้ามาพลิกโฉมและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทั้งด้านการใช้ชีวิตและการทำงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและชาญฉลาดเพื่อปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของตลาด ซึ่งแน่นอนว่าเราทุกคนก็ต่างมีความกังวลในการปรับตัวและรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นที่อาจเรียกได้ว่า ‘Tech-xiety’  ที่แม้กระทั่งคนยุคดิจิทัล (Digital Natives) หรือ ชาว Gen Z ที่อาจเกิดไม่ทันยุคก่อน แต่ก็กำลังหวนความหลังย้อนกลับไปสู่ยุคแอนะล็อกกันมากขึ้น

ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ควรหันมาให้ความสำคัญกับการมองหาเทคโนโลยีที่จะเป็นโซลูชันช่วยให้การดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น และเข้าถึงโอกาสในการหารายได้เพิ่ม เมื่อพูดถึงการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจในปัจจุบัน
ผู้ประกอบการฯ จำเป็นต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยสำคัญ ประกอบไปด้วย

  • มองหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง ในตลาดมีเทคโนโลยีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร
    ผู้ประกอบการฯ จำเป็นต้องเฟ้นหาเทคโนโลยีที่จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับธุรกิจ
  • ลดความเสี่ยงที่อาจทำให้ธุรกิจถดถอย ด้วยการก้าวให้ทันและเปิดรับเทคโนโลยี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
  • ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางธรุกิจอย่างชาญฉลาด ซึ่งหมายถึงการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจในระยะยาว รวมไปถึงการพัฒนาด้านระบบสารสนเทศ ซอฟต์แวร์ พร้อมด้วยพนักงานที่มีทักษะสูง

เมื่อพูดถึงการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจในปัจจุบัน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่มีรูปแบบเฉพาะหรือต้องปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร ซึ่งธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีความคล่องตัวสูงและความสร้างสรรค์ มีแนวโน้มที่จะสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ง่ายและนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีความจำเป็นในการปรับกลยุทธ์ไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละธุรกิจ แต่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ หรือ มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใดก็ตาม จำเป็นต้องรู้ 5 เทรนด์สำคัญสำหรับผู้ประกอบการฯ ในการวางแผนกลยุทธ์เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจอย่างชาญฉลาดในปี พ.ศ. 2567 ได้แก่

  1. การวางกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกับ AI ให้แข็งแกร่ง กุญแจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจในปีนี้

การเปิดตัว GenAI ในปีก่อน ทำให้ทั่วโลกตกตะลึงและให้ความสนใจอย่าล้นหลาม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการฯ ได้เริ่มหันกลับมาทบทวนแผนงานและให้ความรู้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียถึงข้อดีและข้อเสียในการใช้งาน AI และ GenAI แต่ในขณะเดียวกันผู้บริหารจะต้องตัดสินใจว่าจะนำ AI มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจหรือไม่ และจะเลือกใช้ AI เพื่อตอบโจทย์ใด โดยพบว่าบริษัทจำนวนมากมีการวางแผนจัดทำนโยบาย กรอบการดำเนินงาน และแนวทางกำกับดูแลสำหรับการใช้งาน AI เพื่อเตรียมพร้อมในปีถัดไป

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SME): การวางรากฐานเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งตั้งแต่ตอนนี้ จะส่งผลดีในระยะยาวอย่างแน่นอน โดยธุรกิจสามารถเริ่มจากการนำ AI มาปรับใช้ในขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจและออกแบบนโยบาย โดยจะต้องประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนรอบด้านอีกด้วย

  • เทคโนโลยีควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate-Tech) และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนความยั่งยืน จะมีส่วนสำคัญมากยิ่งขึ้นในฐานะด่านหน้าและแกนกลางธุรกิจ

ธุรกิจขนาดย่อม หรือแม้แต่บริษัทขนาดใหญ่ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจจับและวัดค่าต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อมรอบตัว (IoT Sensor) เพื่อวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินงานให้ยั่งยืนมากขึ้น โดยเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในฐานะโซลูชันด้านการจัดการสภาพอากาศ และในปีนี้เราจะได้เห็นธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีการลงทุน ให้ความสนใจและเริ่มการประยุกต์ใช้โซลูชันดังกล่าวฯ เพิ่มมากยิ่งขึ้นในกระบวรการทำธุรกิจ

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SME): สำหรับธุรกิจที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่แล้ว และ ผู้ประกอบการฯ ที่ต้องการนำเทคโนโลยีฯ มาปรับใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืนมากขึ้น ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตในปีนี้ได้อย่างแน่นอน

  • เทคโนโลยียิ่งทวีบทบาทความสำคัญในการช่วยธุรกิจในการส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า

เทคโนโลยีสำหรับช่วยเหลือและบริการลูกค้า มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องไปกับความคาดหวังของผู้บริโภคที่มองหาประสบการณ์ด้านบริการที่ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นในตลาดและสร้างฐานลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจจำเป็นต้องลงทุนในการสร้างประสบการณ์การบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า โดยปัจจุบันจะเห็นว่าผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหันมาลงทุนในด้านการพัฒนาบริการในหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การใช้งาน AI Chatbots ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับระบบการจัดซื้อ ซึ่งรวมถึงการออกแบบเส้นทาง
การจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานด้านบริการลูกค้า

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SME): ผู้ประกอบการควรวางกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตและยกระดับ
การดำเนินงานโดยมุ่งเน้นความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพราะธุรกิจต่าง ๆ ก็หันมาเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนาประสบการณ์การบริการให้แก่ลูกค้าที่ดีมากยิ่งขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบบริการและสัมผัสถึงความแตกต่างของแต่ละบริการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และหากองค์กรใดไม่มีการปรับตัวตามเทรนด์ ก็อาจตกรถไฟขบวนนี้และพลาดโอกาสในการเติบโตได้

  • ความรับผิดชอบของทีมไอทีที่เพิ่มบทบาทความรับผิดชอบตั้งแต่ความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไปจนถึงการจัดการชุดซอฟต์แวร์ (Software Stacks)

ในปีนี้ บริษัทต่าง ๆ มีการกำหนดกลยุทธ์ทางด้านไอทีและเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ชาญฉลาด โซลูชันด้านไอทีที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ในปีนี้ ไอที จะมีความสำคัญมากกว่าเดิมทั้งในด้านการติดตามและหาความรู้เทรนด์ทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ การใช้งานระบบการทำงานแบบไฮบริด และการคัดเลือกซอฟต์แวร์ที่สร้างประโยชน์สูงสุดต่อผลประกอบการทางธุรกิจ

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SME): ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพอาจมีงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการจ้างพนักงานไอทีประจำ หรือสร้างแผนกไอที โดยทั่วไปแล้วผู้รับชอบหน้าที่นี้จึงเป็นเจ้าของบริษัทเอง หรือพนักงานที่พอมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในบริษัทแทน ดังนั้นแล้วผู้ประกอบการฯ จึงควรมองหาพนักงานผู้ที่มีความรู้และความชำนาญในด้านเทคโนโลยีซึ่งสามารถแนะแนวทางในการบริหารจัดการระบบไอทีของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นได้

  • ความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ จะยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจต่อไป

เฟดเอ็กซ์ ส่งเสริมให้ธุรกิจเห็นความสำคัญของการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลแบบเรียลไทม์มาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ เพราะช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินและเลือกรูปแบบการจัดส่งที่เหมาะสม ชี้ให้เห็นเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงให้สามารถติดตามการจัดส่งสินค้าที่สำคัญและมีความอ่อนไหวต่อเวลาในการจัดส่ง และวางแผนรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงได้แบบเรียลไทม์ ด้วยการใช้งาน GenAI ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันทำให้การประมวลผลแบบเรียลไทม์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น อย่างไรก็ตามการนำข้อมูลที่ล้าสมัยมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอาจเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ GenAI ได้ ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล (Hyperscalers) หรือ ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการไอทีในปี พ.ศ. 2567 โดยเมื่อเทคโนโลยีนี้ผนวกเข้ากับ AI จะเกิดการปฏิวัติรูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ข้อมูลที่ประมวลผลและปรับแต่งแบบเรียลไทม์

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย (SME): สำหรับผู้ประกอบการฯ นวัตกรรมเหล่านี้สามารถยกระดับการทำงาน
ทั้งในเรื่องความเร็ว ความแม่นยำ และความคุ้มค่าทางธุรกิจ อีกทั้งทำให้เห็นข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เพื่อปรับปรุงคุณภาพการบริการและส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกันได้

เทคโนโลยีต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการฯ จึงจำเป็นต้องติดตามและอัปเดตซอฟต์แวร์รวมทั้งกลยุทธ์อยู่เสมอ เพื่อบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี พ.ศ. 2567 หากเทคโนโลยีหรือระบบดิจิทัลของบริษัทมีความก้าวหน้าล้ำสมัย ผู้ประกอบการก็ไม่จำเป็นต้องทำการตัดสินใจในธุรกิจอย่างเร่งรีบ หรือ รื้อระบบและเครื่องมือการจัดเรียงซอฟต์แวร์ แต่เปลี่ยนมาเป็นการพิจารณาปรับแต่งข้อมูลหรือเพิ่มเครื่องมือบางอย่างเข้าไปเพียงเล็กน้อยเพื่อสร้างคุณค่าให้แก่บริษัทได้สูงสุด ดังนั้นแล้วทุกกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มั่นคงในปี พ.ศ. 2567 จะขาดเรื่องเทคโนโลยีไปไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีมาก่อน หรือ เป็นผู้ที่ต้องเริ่มธุรกิจใหม่จากศูนย์ก็ตาม

แชร์